Basic Calculus : Limits

แนวคิดเรื่อง Differentiation และ Integration เป็นแนวคิดพื้นฐานของ calculus



Differentiation และ Integration


ดูตัวอย่างสมมุติ ในการทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุชนิดหนึ่ง โดยทำการวัดระยะทางของวัตถุที่เคลื่อนไปได้ (displacement) หน่วยวัดเป็นเมตร กับเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่หน่วยวัดเป็นวินาทีได้ดังรูปที่ 1

รูปที่ 1

แนวคิดทั่วไปในการหาค่าความเร็ว (velocity) ในการเคลื่อนที่ของวัตถุ หาได้จาก

(1.0)velocity=displacementtime elapsed(1.1)v=ΔSΔt

ในการทดลองครั้งนี้ เรายังไม่ทราบความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุ หากต้องการหาความเร็ว ณ ที่เวลาใด เราจะใช้วิธีการความต่างของระยะทางที่เคลื่อนที่ต่อเวลาที่เสียไป ทำหลายๆ ครั้ง แต่ละครั้งก็จะทำการลดระยะห่างของเวลาไปเรื่อยๆ เช่น ถ้ากำหนดให้ว่าต้องการหาความเร็ว ณ เวลา t = 5 มีขั้นตอนดังนี้

  1. บันทึกระยะทางที่เคลื่อนที่ได้ ณ t = 5 สมมุติว่าเป็น s1

  2. เพิ่มเวลาออกไปจาก t = 5 โดยเพิ่มเวลาครั้งละ 1tn เมื่อ n จำนวนครั้งของการเพิ่มเวลาออกไป และ t เป็นเวลาเริ่มต้น แล้วทำการวัดระยะทางทุกครั้ง

  3. ทำการคำนวณหาความเร็วจากสมการ (1.0),(1.1)


ข้อมูลที่ได้แสดงในตาราง


timedisplacementΔSΔtv=ΔSΔt
5.227.04002.04000.2010.2000
5.0425.40160.40160.0410.0400
5.00825.08010.08010.00810.0080
5.001625.01600.01600.001610.0016
5.0003225.00320.00320.0003210.0003
5.00006425.00060.00060.00006410.0001
...............

จากตารางจะสังเกตุได้ว่า ยิ่งช่วงความต่างของเวลา (Δt) เล็กลงเท่าใด ค่าของ velocity ก็ยิ่งเข้าใกล้ค่าคงที่ 10 เท่านั้น ทำให้เรามองเห็นภาพว่า ณ ที่ t = 5 ค่าของ velocity จะต้องมีค่าเป็น 10 ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างทางทฤษฎี ยกขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจแนวคิดแรกของ Limits คือ การมองที่ความต่างที่ยิ่งน้อยลงเท่าใด ค่าของสิ่งที่กำลังสนใจก็จะเข้าใกล้ค่าๆหนึ่ง (differentiation)


มาดูอีกตัวอย่างหนี่ง สมการ f(x)=x2 ถ้ากำหนดให้ค่า x เป็นจำนวนจริงระหว่าง [0,1] แล้ว จะได้กราฟของ function ดังรูปที่ 2

รูปที่ 2

ถ้าต้องการหาพื้นที่ใต้กราฟทั้งหมด สามารถใช้การแบ่งพื้นที่ออกเป็นสี่เหลี่ยมหลายรูป คำนวณพื้นที่ของแต่ละรูปแล้วนำมารวมกัน ดังแสดงในรูปที่ 3 โดยหลักการแล้ว ยิ่งการแบ่งพืนที่ให้ละเอียดมากขึ้นเท่าใด พื้นที่ที่คำนวณได้ก็จะยิ่งใกล้กับพื้นที่จริงเท่านั้น


รูปที่ 3

เนื่องจากกำหนดให้ X มีค่าระหว่าง [0,1] ถ้าแบ่งออกเป็นช่วงจำนวน n ส่วน เพื่อใช้เป็นด้านกว้างของสี่เหลี่ยม แต่ละส่วนจะมีค่าเป็น 1n และสามารถเขียนช่วงของตัวเลขได้ดังนี้

[0,1n],[1n,2n],[2n,3n],...,[n1n,nn]

และกำหนดให้ Y=X2 นั่นคือความสูงของรูปสี่เหลี่ยมสามารถคำนวณได้ และขอให้สังเกตุช่วงของตัวเลขก่อนหน้า ความสูงของสี่เหลี่ยมจะใช้ตัวเลขแรกมาคำนวณ (ตัวเลขซ้ายมือของแต่ละช่วง) ดังนั้นจะได้ลำดับของความสูงดังนี้

0,(1n)2,(2n)2,...,(n1n)2

นำตัวเลขความสูงมาคูณกับ 1n เป็นพื้นที่ของสี่เหลียมแต่ละรูปแล้วนำมารวมกัน

area under curv=1n(1n)2+1n(2n)2+...+1n(n1n)2=1+22+32+...+(n1)2n3=n(n+1)(2n+16n3=(n+1)(2n+1)6n2=2n2+3n+16n2(1.3)area under curv=13+13n+16n2

***การแก้สมการนี้ใช้ sum of square formula ช่วย


จาก (1.3) เมื่อ n มีค่าเพิ่มขึ้น (มีสี่เหลียมมากขึ้น) ค่าของ 13n,16n2 จะลดลงจนในที่สุดเข้าใกล้ 0 แล้วทำให้ค่าของ area under curv จะเข้าใกล้ค่าคงที่ 13 ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากรูปที่ 4 เมือเพิ่มค่า n =100


รูปที่4

ตัวอย่างนี้ทำให้เห็นอีกแนวคิดหนึ่งของการใช้ limits ทางด้านการนำมารวมกัน (integration)


ความหมายของ limits


เนื้อหาก่อนหน้ามีการกล่าวถึงแนวคิดของ limits ตัวอย่างแรกต้องการดูว่าค่าของ velocity จะเข้าใกล้ค่าใด เมื่อเวลาในการเคลื่อนที่เข้าใกล้วินาทีที่ 5 (จะไม่กล่าวว่าที่วินาทีที่ 5 เพราะวัตถุยังเคลื่อนที่ ไม่ได้หยุดนิ่ง ) ตัวอย่างที่สองดูว่าพื้นที่ใต้กราฟเข้าใกล้ค่าใดเมื่อจำนวนของสี่เหลี่ยมใต้กราฟเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ในทางทฤษฎีคือเข้าใกล้ค่า จะเห็นได้ว่า ทั้งสองแนวคิดเป็นการศึกษาดู output ของ function ที่จะเข้าใกล้ค่าใดเมื่อ input ของ function เข้าใกล้ค่าใดสักค่าหนึ่ง


ถ้ามี function f(x), c และ L เป็นค่าคงที่ แล้ว

limxcf(x)=L

อ่านว่า " limit ของ function f(x) เมื่อ x เข้าใกล้ค่า c มีค่าเท่ากับ L"


จากตัวอย่างเรื่องการหาความเร็วของวัตถุ v=f(t)=ΔsΔt คือ function ที่เราสนใจว่าเมื่อ t5 แล้ว f(t) จะเป็นเท่าใด เขียนเป็นสัญญลักษณ์คือ

limt5f(t)=10

ตัวอย่างเรื่องการหาพื้นที่ใต้กราฟ function ที่เราสนใจไม่ใช่ f(x)=x2 แต่เป็น f(n)=13+13n+16n2 เพราะเราต้องการหาพื้นที่ไม่ใช่ function ที่ทำให้เกิดเส้นกราฟ เขียนเป็นสัญญลักษณ์คือ

limnf(n)=13

การเข้าใกล้ค่า L ใน limits มีได้ 2 ทิศทาง คือ ด้านที่น้อยกว่า L และด้านที่มากกว่า L

  ♦  ถ้าให้ limxcf(x)=L คือ limits ที่เข้าใกล้ค่า L ทางด้านน้อยกว่า

  ♦  ถ้าให้ limxcf(x)=L+ คือ limits ที่เข้าใกล้ค่า L ทางด้านมากกว่า

limxcf(x)=L จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อ limxcf(x)=L=limxcf(x)=L+=L



คุณสมบัติของ limits ที่พบบ่อย


เมื่อ limxcf(x) และ limxcg(x) สามารถหาค่าได้


  ♦  limxcnx=nc


  ♦  limx1xp=0,p0


  ♦  limx1px=0,p0


  ♦  limxc(f(x)+g(x))=limxcf(x)+limxcg(x)


  ♦  limxc(f(x)g(x))=limxcf(x)limxcg(x)


  ♦  limxc(f(x)g(x))=limxcf(x)limxcg(x)


  ♦  limxc(f(x)g(x)=limxcf(x)limxcg(x),limxcg(x)0


  ♦  limxcK=K, K is constant


คุณสมบัติพิเศษ

  ♦  limxaxnanxa=na(n1)


  ♦  limx0sin(x)x=1


  ♦  limx0tan(x)x=1


  ♦  limx0cos(x)x=1


  ♦  limx01cos(x)x=0


  ♦  limx0ex=1


  ♦  limx0ex1x=1


  ♦  limx(1+1x)x=e


  ♦  limx0(1+1x)1x=e


  ♦  limx0ax1x=logea


  ♦  limx0log(x+1)x=1


ตัวอย่าง

1. limx3(3x2x2)

limx3(3x2x2)=limx33x2limx3xlimx32=limx33limx3x232=3limx3xlimx3x5=3335=22


2. limx4(x3)(x2)x4

limx4(x3)(x2)x4=limx4(x3)(x2)limx4x4=limx4(x3)limx4(x2)limx4x4=[limx4xlimx43][limx4xlimx42]limx4xlimx44=[43][42]44=undefined


3. limx(4+12x)

limx(4+12x)=limx4+limx12x=4+0=4



ความคิดเห็น