ตอนนี้จะว่ากันเรื่องของ sets แต่ไม่ได้จะกล่าวถึงทุกเรื่อง จะเอามาเพียงส่วนที่จะโยงเข้าหาเรื่อง linear algebra ซึ่งเป็นเรื่องหลักเรื่องหนึ่งก่อนจะไปสู่ machine learning
Sets นับว่าเป็น Object พื้นฐานสำคัญอันหนึ่งทางด้านคณิตศาสตร์ มีการนิยามไว้ว่า "Sets are well-defined collection of objects." [1][2] เรียก object ที่อยู่ใน set นั้นๆ ว่า "element" หรือ "member" โดยที่ใน set ใดๆ จะไม่มีสมาชิกที่ซ้ำกัน
การเขียนสัญญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ของ sets ใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่ (capital letter) แทน set ที่กำลังกล่าวถึง เขียนสมาชิกของ set ไว้ใน
1. set ของสมุนไพรไทยที่ใช้รักษาโรคผิวหนัง
A = {ข่า, ขมิ้นชัน, ทองพันชั่ง,มะยม}
2. set ของสโมสรฟุตบอลล์ในเมือง Liverpool
B = {Liverpool, Everton, Tranmere, South Port, Bootle, St Helen town}
เรียกการเขียนแบบนี้ว่า "การเขียนแบบแจกแจง" ซึ่งจะมีการเขียนอีกแบบที่เรียกว่า "การเขียนแบบระบุเงื่อนไข" เช่น
3. set ของจำนวนเต็มที่มากกว่า 5
Belonging
เมื่อต้องการบอกว่าสิ่งใด belongs to หรือ เป็น member หรือ element ของ set ใด ใช้สัญญลักษณ์
1. ข่า เป็นสมาชิกของ set A (ข่า belongs to A)
2. Liverpool เป็นสมาชิกของ set B (Liverpool belongs to B)
Inclusion
ถ้ามี set A และ B โดยที่ทุกสมาชิกของ A เป็นสมาชิกของ B ด้วย แต่สมาชิกของ B อาจไม่ได้เป็นสมาชิกของ A เราจะกล่าวว่า A เป็น subset ของ B หรือ B includes A (B is superset of A)
แนวคิดนี้บอกเป็นนัยว่า
Equality
ถ้ามี set A, B ใดๆ และ ทุกสมาชิกของ A เป็นสมาชิกของ B และทุกสมาชิกของ B เป็นสมาชิกของ A จะได้ว่า
ถ้า
Ordered pairs
ถ้าเรามี set A และ B แล้วดึงเอา
ordered pairs ไม่จำเป็นต้องมาจาก sets เพียงสอง sets อาจมากกว่านั้นก็ได้ การเขียนในลักษณะ ordered pairs นี้เรามักจะคุ้นเคยในวิชา geometry คือ coordinate ของจุดบน graph
![]() |
รูปที่ 1 coordinate |
Relations
ความหมายของ relations คือ set ของ ordered pairs ใช้สัญญลักษณ์
relations ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูป binary เสมอไป สามารถอยู่ในรูปของ ternary หรือ quaternary ไปจนถึง N-ary ได้ เพื่อความเข้าใจเราจะกล่าวถึงแต่ binary ไปก่อน
ordered pairs แบบ binary สมาชิกตัวแรกของ ordered paired เรียกว่า domain สมาชิกตัวถัดมาเรียกว่า range
![]() |
รูปที่ 2 relations ระหว่าง vehicles กับ wheels |
ยกตัวอย่าง ในรูปที่ 2 ปรกติแล้วเราจะทราบ relations ระหว่างชนิดของยานพาหนะ (vehicles) กับจำนวนล้อ (wheels) นำมาเขียน relations set คือ
อีกหนึ่งตัวอย่างที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันคือ ตู้จำหน่ายสินค้าแบบหยอดเหรียญ (vending machine) ถ้าให้ x แทน มูลค่ารวมของเหรียญ และ y แทน ชนิดของสินค้า จะเห็นว่า y จะเป็นอะไรนั้นขึ้นกับ x บางครั้ง เราเรียก x ว่าเป็น independent variable และ y เป็น dependent variable และรูปแบบของความสัมพันธ์จาก domain ไปยัง range นั้น จำเป็นต้องถูกกำหนดขึ้นมาก่อน เช่นเดียวกับการกำหนดว่าสินค้าแต่ละชิ้นจะมีราคาเท่าใด
Functions
Functions คือรูปแบบหนึ่งของ Relations ที่มีลักษณะพิเศษคือ ถ้า X, Y เป็น 2 sets ใด และ
1. domain ของ
2. ทุก x ใน domain จะโยงไปยัง range
เขียนแทนด้วยสัญญลักษณ์
![]() |
รูปที่ 3 กราฟแสดง |
รูปที่ 3 แสดงให้เห็น relation แบบ function ระหว่าง X =
Diagnose = {1,0}
สิ่งที่เราต้องการคือการที่สามารถระบุรูปแบบของความสัมพันธ์ในรูปแบบ function จาก Features (domain) ไปหา Diagnose (range)
เพื่อให้ได้มาซึ่ง function ดังกล่าว กระบวนที่เรียกว่า machine learning จึงเข้ามามีบทบาท (ในข้อเขียนที่อ้างถึงใช้วิธีการทางความน่าจะเป็น ซึ่งก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง)
เอกสารอ้างอิง
[1] https://plato.stanford.edu/entries/set-theory/basic-set-theory.html
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Set_theory#Basic_concepts_and_notation
[3] P.R. Halmos (1974). Naive Set Theory. New York. Springer-Verlag New York Inc.(https://books.google.co.th/books?id=x6cZBQ9qtgoC&lpg=PP1&dq=naive+set+theory&pg=PA5&redir_esc=y&hl=en#v=onepage&q&f=false)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น