Counting principle part 1 : Addition Principle , Multiplication Principle


Addition Principle


ถ้ามีเหตุการณ์ A1,A2,A3,...,An มีจำนวนทางเลือกที่จะเกิดขึ้นของแต่ละเหตุการณ์เป็น n1,n2,n3,...,nn จำนวนทางเลือกของการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดมีค่าเป็น n1+n2+n3+...+nn

หลักการนี้พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น การหาจำนวนรถทั้งหมดในอาคารจอดรถ สามารถทำได้โดยแยกนับแต่ละชั้นก่อนแล้วนำจำนวนของแต่ละชั้นมารวมกัน


ภาพที่ 1

แต่ละชั้นของอาคารเทียบได้กับ A1,A2,A3 จำนวนรถยนต์ที่มาจอดในแต่ละชั้นเทียบได้กับ n1,n2,n3 จำนวนรถยนต์ทั้งหมดเทียบได้กับจำนวนทางเลือกทั้งหมด ซึ่งคำนวณได้เป็น 2+4+3=9

ตัวอย่าง

1. ถ้านาย A ต้องการซื้อสินค้ามาใช้งานหนึ่งอย่าง มีให้เลือกระหว่าง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 4 เครื่องและ Tablet 4 เครื่อง (คุณสมบัติแต่ละเครื่องต่างกัน) นาย A จะมีกี่ทางเลือกในการซื้อสินค้าครั้งนี้

สินค้ามี 2 เซตที่เป็น disjoint เซตคือ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และ tablet ดังนั้นคำตอบคือ 4+4=8ทางเลือก


2. ถ้าบนโต๊ะมีรายการอาหารสามกลุ่ม คือใช้เนื้อไก่ 10 อย่าง ใช้เนื้อหมู 5 อย่างและใช้เนื้อปลา 2 อย่าง ถ้าได้ต้องการตักใส่เพียง 1 อย่าง จำนวนทางเลือกในการเลือกมีกี่ทางเลือก

10+5+2=17ทางเลือก



Multiplication Principle


ถ้ามีเหตุการณ์ A1,A2,A3,...,An แต่ละเหตุการณ์มีทางเลือกที่จะเกิดขึ้นเป็น n1,n2,n3,...,nn จำนวนทางเลือกในการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ที่เรียงลำดับจาก A1A2A3...An ที่เป็นไปได้ทั้งหมดมีค่าเป็น n1×n2×n3×...×nn

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น อาจมองในมุมมองของการทำงานที่ต่อเนื่องกันได้ เช่น ในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายหนึ่ง สามารถแยกการทำงานออกเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกมีวิธีการหรือทางเลือกในการทำได้ m ทางเลือก ขั้นตอนที่ 2 มีทางเลือกในการทำได้ n ทางเลือก และขั้นตอนที่ 3 มีทางเลือกในการทำได้ p ทางเลือก ดังนั้นในการทำงานนี้ให้สำเร็จจะมีทางเลือกทั้งหมด m×n×p ทางเลือก


การใช้ Tree Diagram


ในกรณีที่จำนวนทางเลือกหรือจำนวนขั้นตอนการทำงานมีไม่มากนัก การใช้ tree diagram มาช่วยในการคำนวณหาจำนวนทางเลือกทั้งหมดจะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น เห็นภาพชัดเจนขึ้น ยกเอาตัวอย่างการแต่งตัว สมมุติให้ภายในกระเป๋าเดินทางของ Diane มีเสื้อ 3 ตัว กระโปรง 4 ตัวและsweater 1 ตัว Diane จะสามารถจัดชุดในการแต่งตัวได้กี่แบบ

ถ้าแบ่งลำดับการแต่งตัว (การทำงาน) ของ Diane แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนคือ

  1. เลือกเสื้อ
  2. เลือกกระโปง

ตัดเอาการเลือก sweater ออกไปเพราะไม่มีทางเลือกอืน นำทางเลือที่เป็นไปได้มาเขียน Tree diagram ได้ดังนี้

ภาพที่ 2

แต่ละเส้นทาง (path) ในแผนภาพคือแต่ละทางเลือกของการแต่งตัวที่แตกต่างกันรวมทั้งหมด 12 ทางเลือก


ตัวอย่าง

1. ถ้าต้องการนำเอาตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3 ตัวและตัวเลข 0-9 มา 4 ตัว มาจัดเรียงกันเพื่อสร้างเป็นป้ายทะเบียนรถยนต์ โดยบนป้ายทะเบียนจะมีกลุ่มของตัวอักษร 3 ตัวอยู่ทางซ้ายมือและกลุ่มของตัวเลข 4 ตัวอยู่ทางขวามือ ด้วยเงื่อนไขนี้จะสามารถสร้างป้ายทะเบียนได้กี่ป้าย ?

ใช้มุมมองที่ว่าการจัดวางตัวอักษรและตัวเลขแต่ละตัวคือขั้นตอนการทำงานที่ต่อเนื่องกัน ดังนั้นการการจัดเรียงจะประกอบด้วยงานย่อย 7 งาน งานนำตัวอักษรมาวาง 3 งานและงานนำตัวเลขมาวาง 4 งาน ตามภาพข้างล่าง

Task 1 : เลือกตัวอักษรภาษาอังกฤษมา 1 ตัวมาวางในตำแหน่งที่ 1 จะมีทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมด 26 ทางเลือกเท่ากับจำนวนอักษรภาษาอังกฤษ

Task 2,3 : มีทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมด 26 ทางเลือกเท่ากับ Task 1

Task 4 : เลือกตัวเลขจาก 0-9 มา 1 ตัวมาวางในตำแหน่งที่ 4 จะมีทางเลือกทั้งหมด 10 ทางเลือก

Task 5,6,7 : มีทางเลือกทั้งหมด 10 ทางเลือก เช่นเดียวกับ Task 4

ตามนิยามของ multiplication principle จำนวนทางเลือกในการทำงานทั้งหมดซึ่งมีค่าเท่ากับจำนวนแผ่นป้ายทะเบียนคือผลคูณของจำนวนทางเลือกในแต่ละ task จะได้ว่า

จำนวนทางเลือกทั้งหมด=26×26×26×10×10×10×10=263×104

2. หาจำนวน functions จาก f:{a,b,c,d}{3,5,7,8,9}

ทบทวน : คุณสมบัติสำคัญของฟังก์ชั่นคือ สมาชิกจาก domain จะมีความสัมพันธ์กับสมาชิกของ codomain ได้เพียง 1 เดียวเท่านั้น แต่อาจมีความสัมพันธ์ซ้ำกันได้ เช่น a5 และ c5 สามารถเกิดขึ้นได้

การแก้ปัญหาข้อนี้สามารถใช้มุมมองเดียวกับตัวอย่างที่ 1 ได้ โดยพิจารณาสมาชิกใน domain ที่ละตัว

a สามารถเชื่อมไปยังสมาชิกใน codomain ได้ 5 ตัว

b สามารถเชื่อมไปยังสมาชิกใน codomain ได้ 5 ตัว

c,d ก็สามารถเชื่อมไปยังสมาชิกใน codomain ได้ 5 ตัวเช่นกัน

จำนวนฟังก์ชั่นทั้งหมด=5×5×5×5=54



มุมมองในทางทฤษฎีเซต


การนำเอาความรู้ในเรื่องของเซตมาใช้ในการอธิบายหลักการของ addition principle และ multiplication principle สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนมุมมองของ "เหตุการณ์" หรือ "การทำงาน" ไปเป็น "สมาชิก" ของเซตแทน เช่น ในตัวอย่างกระเป๋าเดินทางของ Dian ภายในมีเซต 3 เซต คือเซตของเสื้อ เซตของกระโปรงและเซตของ sweater โดยมีจำนวนสมาชิกเป็น 4,3 และ 1 ตามลำดับ


Addition principle


ถ้ามีเซต A และ B , โดย AB= แล้ว |AB|=|A|+|B|

อธิบายนิยามนี้ด้วย Vein Diagram เมื่อ A และ B ไม่มีสมาชิกร่วมกันแล้ว จำนวนสมาชิกทั้งหมดจะได้จากการรวมจำนวนสมาชิกของ A และ B เข้าด้วยกัน

ภาพที่ 3

Multiplication principle


สิ่งที่ต้องทบทวนคือ "Cartesian Product"


ถ้ามีเซต A และ B , จะสามารถสร้างเซตใหม่ที่อยู่ในรูป A×B={(x,y):xAyB}

ตัวอย่าง

ถ้า A={a,b},B={2,4,5} แล้ว หา A×B

สามารถหา Cartesian product ได้จากการใช้ diagram


A×B={(a,2),(a,4),(a,5),(b,2),(b,4),(b,5)}

จากตัวอย่าง หากนับจำนวนสมาชิกของ A×B มีค่าเท่ากับ 6 ซึ่งเท่ากับผลคูณของจำนวนสมาชิกของ A กับ B ดังนั้นเราสามารถเขียนคำจำกัดของ multiplication principle ด้วยความหมายทางเซตได้ว่า


ถ้ามีเซต A และ B แล้ว |A×B|=|A|×|B|


ตัวอย่าง

1. ถ้ามีเมือง 3 เมือง A,B และ C การเดินทางจากเมือง A ไป B มีเส้นทางอยู่ 4 เส้นทาง และจากเมือง B ไป C มี 3 เส้นทาง หาจำนวนเส้นทางที่แตกต่างกันในการเดินทางจาก A ไป C โดยต้องผ่าน B

การเดินทางมี 2 ขั้นตอนที่ต่อเนื่องกัน คือ AB และ BC

AB มีเส้นทางแตกต่างกัน 4 เส้นทาง

BC มีเส้นทางแตกต่างกัน 3 เส้นทาง

ใช้ multiplication principle เส้นทางทั้งหมด=4×3=12 เส้นทางที่ต่างกัน


2. พิจารณาคุณสมบัติของสีเทียนจำนวนหนึ่งใน 3 ด้าน คือ ความยาว,สี และขนาด (วัดจากเส้นรอบวง) พบว่าสีเทียนที่มีอยู่มีความยาวต่างกัน 3 ขนาด มีสีต่างกันอยู่ 4 สี และมีขนาดต่างกันอยู่ 2 ขนาด คำนวณหาจำนวนสีเทียนมากที่สุดที่จะเป็นไปได้

เนื่องจากสีเทียนแต่ละแท่งจะมีคุณสมบัติทั้ง 3 อยู่รวมกัน ดังนั้นจึงสามารถใช้มุมมองของ order pair (ความยาว,สี,ขนาด) เพื่อใช้แทนคุณสมบัติทั้งสามด้านได้ และเอา Cartesian product มาช่วยในการคำนวณหาคำตอบได้

กำหนดให้ A แทนเซตของความยาว จำนวนสมาชิกใน A คือ 3

กำหนดให้ B แทนเซตของสี จำนวนสมาชิกใน B คือ 4

กำหนดให้ C แทนเซตของขนาด จำนวนสมาชิกใน C คือ 2

|A×B×C|=|A|×|B|×|C|=3×4×2=24

จำนวนสีเทียนมีได้มากที่สุดคือ 24 แท่ง


ความคิดเห็น