Permutation
ถ้าให้เลือกจักรยานยนต์มา 2 คันจาก 4 คัน การหาทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดโดยใช้แผนภาพต้นไม้(tree diagram) จะได้ทางเลือกทั้งหมด 12 ทางเลือก (ภาพที่ 1)
ภาพที่ 1 |
หากต้องการใช้การคำนวณแทนการวาดแผนภาพ ก็สามารถใช้แยกเป็นงานย่อย 2 งานที่ทำต่อเนื่องกันคือ
- เลือกรถคันแรก จะมีทางเลือก 4 ทางลือกเท่ากับจำนวนรถที่มี เพราะยังไม่ได้ถูกเลือกมาก่อน
- เลือกรถคันที่สอง เนื่องจากถูกเลือกไปจากงานแรกแล้ว 1 คัน จำนวนรถที่เลือกได้จะเหลือ 3 คัน
ตามหลักการของ multiplication principle แล้ว จำนวนทางเลือกทั้งหมดคือ \( 4 \times 3 = 12 \text{ ทางเลือก} \)
จากภาพที่ 1 จะเห็นว่าการเลือกรถออกมาจากกลุ่มเดิมดูเหมือนกับการสร้างกลุ่มย่อย (subset) ขึ้นมาภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด กลุ่มย่อยที่อาจมีสมาชิกที่เหมือนกันแต่ถ้าการจัดเรียงที่ต่างกันก็นับว่าเป็นคนละกลุ่มย่อยกัน การหารูปแบบทั้งหมดของกลุ่มย่อยแล้วทำการนับจำนวน (แจงแล้วนับ) ทางคณิตศาสตร์เรียกว่า "Permutation"
สัญญลักษณ์ที่ใช้แทน Permutation มีหลายรูปแบบ เช่น \( _nP_k\),\(P_{n,k}\),\(P(n,k)\),\(P^n_k\) โดย n แทนจำนวนสิ่งของที่มีอยู่ และ k แทนจำนวนสิ่งที่ถูกเลือก โดยมีสูตรการคำนวณดังนี้
\(n! \) อ่านว่า n-factorial เมื่อ n เป็นจำนวนเต็มบวกและไม่เท่ากับศูนย์ โดย \[n! = n \times (n-1) \times (n-2) \times ... \times 1 \tag{2.0}\] และกำหนดให้ \( 0! \text{ และ } 1! = 1 \)
เช่น
- \( 2! = 2 \times 1 \)
- \( 5! = 5 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 \)
- \( 10! = 10 \times 9 \times 8 \times 7 \times 6 \times 5 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 \)
ตัวอย่าง
1. ถ้ามีหนังสือที่ต่างกัน 7 เล่ม จะมีวิธีการจัดเรียงหนังสือบนชั้นวางหนังสือได้กี่วิธี
การคำนวณในข้อนี้ ยังไม่ต้องใช้สูตร (1.0) เพราะไม่ได้ระบุจำนวนของหนังสือที่ต้องเลือกออกมา ก็สรุปว่าต้องการเรียงหนังสือทั่ง 7 เล่ม ซึ่งการมองว่าเป็นงานที่ทำต่อเนื่องกัน 7 งานแต่ละงานคือการหยิบหนังสือขึ้นไปวางบนชั้นจะเห็นภาพที่ชัดเจนกว่า
งานที่ 1 มีทางเลือก 7 ทางเลือก
งานที่ 2 มีทางเลือก 6 ทางเลือก
งานที่ 3 มีทางเลือก 5 ทางเลือก
งานที่ 4 มีทางเลือก 4 ทางเลือก
งานที่ 5 มีทางเลือก 3 ทางเลือก
งานที่ 6 มีทางเลือก 2 ทางเลือก
งานที่ 7 มีทางเลือก 1 ทางเลือก
\( \therefore \) ตาม Multiplication principle ทางเลือกทั้งหมดจะเป็น \(7 \times 6 \times 5 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 = 7!\)
ลองนำกรณีนี้ไปใช้กับสูตร (1.0) เนื่องจากต้องการนำหนังสือทุกเล่มไปจ้ดวาง ดังนั้นจะได้ว่า n = 7 และ k = 7 หรือ \( P(7,7) \) นำไปแทนใน (1.0)
\[ \begin{align*} P(7,7) &= \frac{7!}{(7-7)!} \\ &= \frac{7!}{0!} \\ &= 7! \end{align*} \]
จากตัวอย่าง ทำให้ทราบว่า
\[ P(n,n) = n! \tag{3.0} \]
อาจกล่าวได้ว่า หากเรามี finite set ที่มีสมาชิก n แล้ว permutation ของเซตนั้นคือ n!
2. จะมีวิธีจัดให้นักเดินทาง 4 คนเดินทางโดยพาหนะต่างกัน 3 ชนิดได้กี่วิธี โดยกำหนดให้พาหนะแต่ละชนิดรับนักเดินทางได้ 1 คน
ข้อนี้สามารถใช้สูตร (1.0) ได้ โดย n = 4, k=3
\[ \begin{align*} P(4,3) &= \frac{4!}{(4-3)!} \\ &= \frac{4!}{1!} \\ &= 4! \\ &= 24 \\ \end{align*} \]
Combination
กลับไปพิจารณาภาพที่ 1 เราทราบแล้วว่า Permutation คือ \(\frac{4!}{(4-2)!} \) หากใช้มุมมองเรื่องเซตมาใช้คำนวณ เราจะได้วิธีการคำนวณอีกวิธีหนึ่งดังนี้
1. กำหนดให้ C แทนจำนวนเซตที่มีสมาชิกเป็นรถจักรยานยนต์ 2 คัน ตามที่กำหนดไว้
2. ความรู้จากสมการ (3.0) Permutation ของแต่ละเซตที่กำหนดไว้ในข้อ 1 จะเป็น 2!
3. ดังนั้นจำนวนวิธีที่จะจัดเรียงสมาชิกของเซตจำนวน C เซต จะเป็น \( C \times 2! \)
4. ค่าที่คำนวณได้ในข้อ 3 ต้องเท่ากับ \(\frac{4!}{(4-2)!} \) เพราะเรากำลังคำนวญหาสิ่งเดียวกัน แต่คนละวิธีคิด ดังนั้น \[ \begin{align*} P(4,2) &= C \times 2! \\ \frac{4!}{(4-2)!} &= C \times 2! \\ \therefore C &= \frac{1}{2!} \times \frac{4!}{(4-2)!} \tag{4.0} \\ \text{หรือ} \\ C &= \frac{P(n,k)}{k!},n=4,k=2 \tag{4.1}\\ \end{align*} \]
ค่าของ C ที่คำนวณได้ เรียกว่าค่า Combination ซึ่งก็คือจำนวนของ subset ที่จะสามารถสร้างได้เมื่อเลือกสมาชิกจำนวน k จากเซตที่มีสมาชิก n นั่นเอง
สัญญลักษณ์ที่ใช้เขียนแทน Combination มีหลายแบบ เช่น \(^nC_k , C(n,k),_nC_k, \begin{pmatrix} n\\k\end{pmatrix}\) โดยมีสูตรคำนวณดังนี้
ตัวอย่าง
1. ร้านขายโยเกิร์ต มี topping ให้ลูกค้าได้เลือก 10 ชนิด โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ 3 ชนิดต่อโยเกิร์ต 1 ถ้วย (ห้ามเลือกซ้ำ) ร้านนี้จะสามารถสร้างรายการ topping ที่แตกต่างกันได้กี่รายการ
การเลือก Topping จะเป็นรูปแบบของ combination เพราะลำดับของการเลือกไม่มีผลต่อรายการ ข้อนี้สามารถคำนวณโดยใช้ (5.0) ได้ \[ \begin{align*} C(10,3) &= \frac{10!}{3!(10-3)!} \\ &= \frac{10!}{3!7!}\\ &= \frac{10 \times 9 \times 8 \times 7!}{3 \times 2 \times 7!} \\ &= \frac{10 \times 9 \times 8 }{3 \times 2} \\ &=120 \end{align*} \]
Binomial Coefficients
อ้างอิงจาก Binomial theorem
สังเกตุดูจะเห็นว่าสูตรที่ใช้คำนวณหาค่า combination ถูกนำไปใช้ในการหา coefficient ของ binomial ด้วย
ตัวอย่าง
1. \( (2x+3y)^3 = ? \)
Permutation คือการหาจำนวนของทางเลือกในการจัดเรียงสิ่งของ (finding the number of ways of arrange a certain number of distinct elements)
Combination คือการหาจำนวนของทางเลือกในการเลือกสิ่งของ (finding the number of ways of selecting a certain number of distinct elements)
ขอให้สังเกตุว่ามีการใช้คำ "distinct elements" ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของสมาชิกในเซต ดังนั้นจำเป็นต้องให้มั่นใจว่าสิ่งของที่จะมาหา Permutation หรือ Combination ต้องมากจาก distinct elements
แบบฝึกหัด
1. กำหนดชุดอักษร ABCDEFG จงคำนวณหา Permutation ของการนำตัวอักษรทุกตัวในชุดที่กำหนดให้มาจัดเรียงใหม่โดยไม่สนใจความหมายของคำ
1.1 มีเงื่อนไขว่าทุกคำที่สร้างขึ้นมาต้องเริ่มต้นด้วย ABC
1.2 มีเงื่อนไขว่าทุกคำที่สร้างขึ้นมาต้องมีชุดตัวอักษร ABC
2. คำนวณหา Permutation จากคำ "BANGKOK"
3. คนจำนวน 20 คน ถ้าให้แต่ละคนจับมือทักทายกับคนอื่นที่เหลือ จงคำนวณว่าการจับมือจะเกิดขึ้นทั้งหมดกี่ครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น